ชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองทุกคนในรัฐอิสลามถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นชาวมุสลิมหรือไม่ก็ตาม อีกทั้งศาสนาอิสลามยังคงดำรงรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรี ดังนั้น ในศาสนาอิสลาม การพูดจาจาบจ้วงผู้อื่นหรือกระทำการล้อเลียนต่อผู้อื่นถือเป็นสิ่งที่กระทำมิได้ พระศาสดามูหะหมัด การเหยียดสีผิวจะกระทำมิได้ในศาสนาอิสลาม เนื่องจากในพระคัมภีร์กุรอานได้กล่าวถึงความเสมอภาคของมนุษย์ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้:
ศาสนาอิสลามปฏิเสธการกำหนดกลุ่มปัจเจกชนคนใดหรือชนชาติใดให้เป็นที่โปรดปรานเป็นพิเศษ อันเนื่องมาจากความมั่งคั่ง อำนาจ หรือเชื้อชาติของพวกเขาเหล่านั้น พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างหมู่มวลมนุษย์ขึ้นมาให้มีความเท่าเทียมกัน ซึ่งจะมีความแตกต่างกันก็แต่เฉพาะพื้นฐานของความศรัทธาและความเลื่อมใสในศาสนาเท่านั้น พระศาสดามูหะหมัด ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในปัญหาสำคัญอื่นๆ ที่มนุษยชาติต่างประสบอยู่ทุกวันนี้ก็คือลัทธิการเหยียดสีผิว ประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถส่งมนุษย์ขึ้นไปยังดวงจันทร์ได้ แต่ไม่สามารถห้ามมนุษย์ให้เกลียดชังและต่อสู้กับมนุษย์ร่วมโลกได้ นับตั้งแต่ช่วงชีวิตพระศาสดามูหะหมัด ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาแห่งความยุติธรรม พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสไว้ว่า:
และพระองค์ยังทรงตรัสอีกว่า:
พวกเราควรยุติธรรมแม้กระทั่งกับบุคคลผู้ซึ่งพวกเราต่างเกลียดชัง ตามที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสไว้ว่า:
พระศาสดามูหะหมัดทรงตรัสไว้ว่า {มนุษย์ทั้งหลาย จงระวังในเรื่องความอยุติธรรม,5 เนื่องจากความอยุติธรรมนั้นจะมีแต่ความมืดมิดในวันพิพากษาโลก.}6 และบุคคลผู้ซึ่งไม่เคยมีสิทธิใดๆ เลย (เช่น สิ่งที่พวกเขามีสิทธิ์ร้องขออย่างยุติธรรม) ในชีวิตนี้จะได้รับสิทธิต่างๆ ในวันพิพากษา อย่างที่พระศาสาดา _____________________________ เชิงอรรถ: (1) บรรยายไว้ใน Saheeh Al-Bukhari เลขที่ 1739 และ Mosnad Ahmad เลขที่ 2037. (2) บุคคลผู้เคร่งครัดในศาสนาคือผู้มีศรัทธาซึ่งละเว้นจากบาปทั้งปวง กระทำแต่ความดีทั้งปวง ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาพวกเราให้กระทำ อีกทั้งต้องเกรงกลัวและรักในพระผู้เป็นเจ้า. (3) สีผิวที่กล่าวไว้ในคำดำรัสของพระศาสดานั้นคือตัวอย่าง ความหมายก็คือในศาสนาอิสลาม ไม่มีผู้ใดดีกว่าผู้อื่น อันเนื่องมาจากสีผิว ไม่ว่าสีขาว ดำ แดง หรือสีอื่นๆ. (4) บรรยายไว้ใน Mosnad Ahmad เลขที่ 22978. (5) ตัวอย่างเช่น การกดขี่ข่มเหงผู้อื่น การปฏิบัติอย่างอยุติธรรม หรือกระทำสิ่งไม่ถูกต้องต่อผู้อื่น. (6) บรรยายไว้ใน Mosnad Ahmad เลขที่ 5798 และ Saheeh Al-Bukhari เลขที่ 2447. (7) บรรยายไว้ใน Saheeh Muslim เลขที่ 2582 และ Mosnad Ahmad เลขที่ 7163. เชิงอรรถ: www.islam-guide.com |