คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ

You are here: Islam Guide โฮมเพจ > บทที่ 3, ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม > ชาวมุสลิมมีความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร?

ชาวมุสลิมมีความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร?

ชาวมุสลิมให้ความเคารพและนับถือพระเยซู (ความสันติบังเกิดมาจากพระองค์) พวกเขายอมรับว่าพระองค์คือหนึ่งในผู้ถือสารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้ามาสู่มวลมนุษยชาติ พระคัมภีร์กุรอานได้ยืนยันถึงการประสูติอย่างบริสุทธิ์ของพระองค์และมีอยู่บทหนึ่งในพระคัมภีร์กุรอานที่ชื่อว่า ‘มัรยัม’ (แมรี่) พระคัมภีร์กุรอานได้อรรถาธิบายถึงการประสูติของพระเยซูดังนี้:

 จงรำลึกถึงขณะที่มลาอิกะฮ์กล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย ! แท้จริงอัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่เธอซึ่งพจมานหนึ่ง จากพระองค์ ชื่อของเขาคือ อัลมะซีห์ อีซาบุตรของมัรยัม โดยที่เขาจะเป็นผู้มีเกียรติในโลกนี้ และปรโลก และจะอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิด.”  (พระคัมภีร์กุรอาน , 3:45-47)

พระเยซูทรงประสูติอย่างมหัศจรรย์โดยคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นคำบัญชาเดียวกันที่ได้นำพาให้ อาดัมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ว่าจะเป็นพระบิดาหรือพระมารดา พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า:

 แท้จริงอุปมาของอีซานั้น ดั่งอุปมัยของอาดัม พระองค์ทรงบังเกิดเขาจากดิน และได้ทรงประปาศิตแก่เขาว่าจงเป็นขึ้นเถิด แล้วเขาก็เป็นขึ้น.  (พระคัมภีร์กุรอาน, 3:59)

ในช่วงระยะเวลาของการทำหน้าที่พระศาสดานั้น พระเยซูได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์มากมาย พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสให้พวกเราฟังว่าพระเยซูทรงตรัสว่า:

 “และเป็นฑูต (นบีอีซา) ไปยังวงศ์วานอีสรออีล (โดยที่เขาจะกล่าวว่า) แท้จริงนั้นได้นำสัญญาณหนึ่งจากพระเจ้าของพวกท่านมายังพวกท่านโดยที่ฉันจะจำลองขึ้นจากดินให้แก่พวกท่านดั่งรูปนก แล้วฉันจะเป่าเข้าไปในมัน แล้วมันก็จะกลายเป็นนกด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และฉันจะรักษาคนตาบอดแต่กำเนิด และคนเป็นโรคเรื้อน และฉันจะให้ผู้ที่ตายแล้วมีชีวิตขึ้น ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และฉันจะบอกพวกท่านถึงสิ่งที่พวกท่านไว้ในบ้านของพวกท่าน...”  (พระคัมภีร์กุรอาน, 3:49)

ชาวมุสลิมเชื่อว่าพระเยซูไม่ได้สิ้นพระชนม์ด้วยการถูกตรึงบนไม้กางเขน เป็นเพียงแผนการของเหล่าปัจจามิตรของพระเยซูที่จะตรึงกางเขนพระองค์ แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้พระองค์ปลอดภัยและทรงนำพระเยซูขึ้นไปเฝ้าพระองค์ และนำบุคคลิกลักษณะของพระเยซูใส่เข้าไปในร่างของอีกคนหนึ่ง หมู่ปัจจามิตรของพระเยซูจึงนำร่างของบุรุษผู้นี้ไปตรึงกางเขนแทน โดยคิดว่าเขาผู้นั้นคือพระเยซู พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสว่า:

 ...และการที่พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีห อีซา บุตรของมัรยัม ร่อซู้ลของอัลลอฮ์ และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซา และหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าเขาถูกให้เหมือนแก้พวกเขา และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้น แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู้ใดๆ ต่อเขาไม่ นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้น และพวกเขามิได้ฆ่าเขาด้วยความแน่ใจ (อีซา)...  (คัมภีร์กุรอาน, 4:157)

ทั้งพระมูหะหมัด  และพระเยซูไม่ใช่ผู้มาเปลี่ยนแปลงคำสอนเบื้องต้นในการศรัทธาพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียว ซึ่งนำมาสั่งสอนโดยพระศาสดาองค์ก่อนๆ แต่กลับเป็นผู้มายืนยันและนำคำสอนนั้นมาสอนใหม่ต่างหาก.1
 

สุเหร่า Aqsa ในนครเยรูซาเล็ม

สุเหร่า Aqsa ในนครเยรูซาเล็ม.

 

_____________________________

เชิงอรรถ:

(1)ชาวมุสลิมยังเชื่ออีกว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยหนังสือศักดิ์สิทธิ์ต่อพระเยซู ชื่อว่า Injeel บางตอนในหนังสือยังคงปรากฏคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อพระเยซู ในพระคัมภีร์เล่มใหม่ (New Testament) แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าชาวมุสลิมเชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิลที่เรามีอยู่ในปัจจุบันนี้ เพราะว่าไม่ได้เป็นพระคัมภีร์ฉบับดั้งเดิมซึ่งทรงเปิดเผยโดยพระผู้เป็นเจ้า.  พระคัมภีร์เหล่านั้นต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงแก้ไข การเพิ่มเติมและการละบางส่วนทิ้ง เรื่องนี้คณะกรรมการผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการสังคายนาพระคัมภีร์ไบเบิล (ฉบับมาตรฐานที่สังคายนาแล้ว) ได้เคยกล่าวไว้เช่นกัน คณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยนักปราชญ์จำนวนสามสิบสองท่านซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกของคณะกรรมการชุดนี้ พวกเขาได้รับรองสิ่งที่ได้ทบทวนและเสนอแนะแก่คณะกรรมการที่ปรึกษาของตัวแทนจำนวนห้าสิบท่านจากนิกายต่าง ๆ ในศาสนาคริสต์ที่ให้ความร่วมมือ คณะกรรมการได้กล่าวไว้ในบทนำเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิล (ฉบับมาตรฐานสังคายนาแล้ว) หน้าที่ ๔ “บางครั้งมีหลักฐานปรากฏว่าเนื้อหามีความยากต่อการถ่ายทอด แต่ไม่มีฉบับใดได้รับการสังคายนาอย่างเป็นที่พอใจเลย ขณะนี้พวกเราสามารถทำได้แต่เพียงคอยติดตามการตัดสินที่เหมาะสมที่สุดของบรรดานักปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาต้นฉบับ” คณะกรรมการยังได้กล่าวไว้ในบทนำหน้าที่ ๗ “หมายเหตุที่ได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลง การเพิ่มเติม หรือการละบางส่วนทิ้งอย่างชัดเจนในหน่วยงานสมัยโบราณ (Mt 9.34; Mk 3.16; 7.4; Lk 24.32, 51 เป็นต้น).”
 

โฮมเพจ: www.islam-guide.com